การพูดในที่สาธารณะอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับบางคน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทย) มันเป็นสิ่งที่ถ้าหลีกเลี่ยงได้
คงจะหลีกเลี่ยงกันใหญ่เลยทีเดียว...ซึ่งก็ใช่ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงได้หมด
ทุกครั้งไปซะด้วย
ในเมื่อหนีมันไม่ได้แล้ว
ผมว่าพวกเรามาลองพยายามใช้เทคนิคเหล่านี้ฝึกฝนตัวเองให้ไม่เป็นล้มคาที่เวลา
ต้องอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆกันดีกว่านะครับ
ขั้นตอนที่ 1 พัฒนาการพูดและการออกเสียง
ก่อน
ที่จะไปพูดให้ชาวบ้านฟังได้
มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องพูดและออกเสียงคำพูดต่างๆของเราเองให้ดีเสีย
ก่อน คนที่พูดและออกเสียงได้ดีจะมีความมั่นใจ
และความมั่นใจนี้เองที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้้นสามารถพูดต่อหน้าชาวบ้านได้
อย่างดี
วิธีการฝึกพูดและออกเสียงสามารถทำได้โดยวิธีเหล่านี้
การอ่านออกเสียง ผม
มีนิยายและนิทานเยอะแยะมากมายที่บ้าน
การอ่านหนังสือเหล่านี้ออกมาดังๆจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาตัวเองในเรื่องการ
ฝึกจังหวะการออกเสียง และน้ำเสียงขึ้นลงต่ำเบาได้มาก
ผมมักจะฝึกเทคนิคนี้กับน้องชายของผมเสมอ และเราจะพยายามถกกันว่า
ประโยคนี้ต้องอ่านด้วยน้ำเสียง ด้วยอารมณ์แบบไหน จึงจะดีที่สุด
เลียนแบบการพูดของนักพูดในดวงใจ ผม
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินได้ฟังการพูดของคนอื่นและคงจะมีนักพูดในดวงใจ
อยู่บ้าง สำหรับตัวผม นักพูดในดวงใจของผมคือคุณพ่อของผม เวลาที่ท่านพูดอะไร
ผมจะจำเอาไว้ และก็จะพยายามฝึกพูดให้ดีแบบท่าน ฝึกใช้ภาษาท่าทางแบบท่าน
ฝึกวิธีการสื่ออารมณ์ให้คนฟังรู้สึกแบบที่ผมรู้ึสึกเวลาฟังท่านพูด
ไม่ว่าผมจะพูดอะไร ผมจะถามตัวเองเสมอว่า "ถ้าเป็นคุณพ่อ ท่านจะพูดอย่างไร"
ผมเลียนแบบท่านไปเรื่อยๆจนในที่สุด ผมก็หยุดเลียนแบบท่าน
และพูดในสไตล์ของตัวเอง
ขั้นตอนที่ 2 ฝึกการพูดและท่าทางเวลาพูด
หลัง
จากที่ผมได้ฝึกพูดและออกเสียงคำพูดจนผมรู้สึกพอใจแล้ว
ผมก็จะเริ่มพัฒนาในส่วนของจังหวะ ระดับน้ำเสียง วิธีการนำเสนอของผม
การฝึกเหล่านี้ไม่มีพวก "ทางลัด" นะครับ
สิ่งที่คุณต้องทำคือการฝึกฝนอย่างหนักและสม่ำเสมอเท่านั้น
ฝึกพูดหน้ากระจก สำหรับ
ผมแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่ายากเอามากๆ เพราะมันเหมือนคนบ้ายังไงชอบกล
แต่มันก็มีประโยชน์มากมายจนทำให้ผมรู้สึกว่า "ถึงจะ้บ้า แต่กูก็ยอม"
feedback ที่ได้รับเป็น feedback ที่ชัดเจนและทันที
มันทำให้ผมสาามารถปรับปรุงข้อผิดพลาดของผมได้ ณ ขณะนั้นเลย
และเมื่อผมสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้แล้ว
ผลลัพธ์จากความพยายามของผมก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนและทันทีเช่นกัน
ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเยอะเลยครับ
อัดเทปหรือวิดิโอเวลาคุณพูด ถ้า
เลือกได้ ผมคิดว่าวิดิโอจะดีกว่านะครับ แต่ว่าการอัดเทปก็ช่วยได้มากเช่นกัน
คุณจะสังเกตเห็นทันทีที่คุณพูดช้าไป พูดเร็วไป มีการอ้ำๆอึ้งๆ ฯลฯ
ถ้าคุณไม่อาย คุณสามารถนำเอาเทปหรือวิดิโอไปให้เพืิ่อนของคุณช่วยฟังด้วยได้
ตอนที่ผมเรียนอยู่ระดับมัธยมฯปลาย เวลาผมจะต้องรายงานอะไรสักอย่าง
ผมก็จะอัดเสียงผมตอนฝึกรายงานลงเทปเสมอเพื่อที่จะฝึกฝนจังหวะการพูดและเพื่อ
ที่จะได้รู้ว่าเสียงของผมฟังดูเป็นอย่างไรบ้าง
การนำเสนอของฟังดูมีเหตุมีผลหรือไม่ ข้อมูลขัดแย้งกันเองหรือเปล่า
ผมพูดช้าหรือเร็วไปหรือไม่ ฯลฯ พอถึงเวลารายงานจริงๆ
ผมก็ได้ฝึกรายงานมาล่วงหน้าแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง
และมันทำให้ผมสามารถรายงานได้อย่างสบายๆเลยทีเดียว
ขั้นตอนที่ 3 ฝึกพูดกับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ
ผม
ว่ามันค่อนข้างจะเป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ
ในเมื่อเราเริ่มที่จะมีทักษะการพูดที่ดีขึ้น
เราก็มักจะอยากพูดคุยกับคนอื่นเป็นธรรมดา
ซึ่งก็จะทำให้เรายิ่งพูดเก่งขึ้นไปอีก ปัญหาอย่างเดียวก็คือ
คุณอาจจะพูดจนเริ่มคิดเรื่องดีๆที่จะพูดไม่ออกแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลครับ
เพราะในเว็บเด็กดีแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าสนใจเยอะแยะมากมายให้คุณได้
อ่าน...รวมไปถึงกระทู้อื่นๆที่ผมได้ post ลงไปในเว็บนี้ด้วยนะครับ
(เข้าไปอ่านกระทู้ดีๆและมีสาระอื่นๆของผมได้ที่ my id ของผมนะครับ)
ขั้นตอนที่ 4 ฝึกพูดให้คนกลุ่มเล็กๆฟัง
มา
ถึงขั้นตอนนี้ เราก็ได้ก้าวผ่านขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้วนะครับ นั่นคือ
การสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง แต่ชีวิตมันยังไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ
เพราะอุปสรรคสำคัญที่รอคุณอยู่คือการทำอย่างไรเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
และในเมื่อการพูดเป็นสื่อสารทางเดียว นั่นคือ คนพูดจะพูด
ส่วนคนฟังก็จะเอาแต่ฟัง ทำอย่างไรเล่า
คุณจึงจะรู้ว่าคนที่ฟังคุณอยู่รู้ึสึกสนใจหรือไม่สนใจในสิ่งที่คุณพูด
คุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ผ่านกิจกรรมต่อไปนี้
การสนทนาในระหว่างงานเลี้ยงต่างๆหรือในระหว่างการทานข้าว การ
พูดคุยกันไม่จำเป็นต้องเป็นในลักษณะ หนึ่งคนคุยกับหนึ่งคน ก็ได้
หลายๆครั้งด้วยกันที่ในระหว่างที่คุณพูด จะมีคนฟังคุณมากกว่าหนึ่งคน
มันก็จะคล้ายๆกับคุณเป็นคนจัดรายการวิทยุ
ส่วนคนที่ฟังคุณอยู่ก็เหมือนกับว่าพวกเขากำลังฟังวิทยุอยู่
คุณควรจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล่านี้ในการพัฒนาทักษะการพูดของคนให้มาก
ที่สุด เพราะสถานการณ์เหล่านี้จะำไม่ทำให้คุณตื่นเวทีเวลาพูด
(เพราะมันไม่มีเวที)
สภากาแฟ ผมเชื่อว่าทุกคนที่
กำลังอ่านบทความนี้ย่อมต้องมีกลุ่มเพื่อนๆประมาณ 4-6
ที่มักจะมาพูดคุยถกเถียงกันในทุกเรื่องตั้้งแต่สากเบือยันเรือรบ
สภากาแฟนี่แหละครัีบถือเป็นโอกาสหนึ่งในการพัฒนาทักษะการพูดของเรา
และส่วนมาก การพูดของเราในสภากาแฟมักจะได้รับ feedback โดยทันทีอีกด้วย
ซึ่งเป็นประโยชน์กับตัวเราเป็นอย่างมาก
ขั้นตอนที่ 5 การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมนุมขนาดเล็ก
หลัง
จากที่สามารถสื่อความคิดของตนเองให้คนอื่นฟังขณะอยู่ข้างล่างเวทีได้อย่าง
คล่องแคล่ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะก้าวขึ้นบนเวทีแล้ว
ผมขอแนะนำให้เริ่มจากเวทีเล็กๆก่อน แล้วค่อยๆไล่ไปสู่เวทีที่ใหญ่ขึ้นๆ
การกล่าวสุนทรพจน์หรือการกล่าวคำอวยพร ตั้งแต่
เกิดมา ผมยังไม่เคยเห็นคนที่กล่าวคำอวยพรปีใหม่ วันสงกรานต์ วันเกิดเพื่อน
ฯลฯ โดนคนดูโห่ใส่เลยสักครั้ง (ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เมาได้ทีกันแล้ว)
การกล่าวอะไรเช่นนี้สามารถกล่าวสั้นๆก็ได้ถ้าคุณยังตื่นๆเวทีอยู่
(ขอให้มีความสุข สุขภาพดี ในวันปีใหม่ไทยนะครับ!!!!!!)
ถ้าคุณเริ่มหายตื่นเวทีแล้ว คุณอาจจะเตรียมเป็นสุนทรพจน์ัสั้นๆไว้ก็ได้
อย่าอายครับ นี่คือขั้นตอนที่จำเป็น ถ้าคุณต้องการเป็นนักพูดที่ดี
การเข้า course ฝึกการพูด ทุก
คนที่ฟังคุณพูดจะอยู่ในฐานะเดียวกันกับคุณ
พวกเขาจะเกิดความเห็นใจและจะไม่หัวเราะคุณสักแอะเวลาคุณตายกลางเวทีหรือพูด
ผิด (เผื่อถึงตาพวกเขาแล้วพวกเขาพูดผิดบ้าง คุณจะได้ไม่หัวเราะพวกเขา)
และหลังจากที่คุณพูดเสร็จ
ทุกคนก็จะช่วยกันให้กำลังใจและเสนอข้อแนะนำให้กับคุณ
นี่คือโอกาสอันดีเยี่ยมที่จะทำให้คุณสามารถฝึกทักษะการพูดของคุณท่ามกลาง
บรรยากาศที่เป็นใจสุดๆ
ขั้นตอนพิเศษ ฝึกทำกิจกรรมต่างๆต่อไปนี้
กิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้พัฒนาทักษะการพูด แต่จะช่วยในเรื่องของการพูดในที่สาธารณะ
เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชม ไม่
ว่าจะเป็นว่ายน้ำ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เป่ากบ ฯลฯ
ตราบใดที่มีผู้ชมคอยดูเราแข่งขัน เป็นอันใช้ได้
การได้อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของสายตาคนดูจะช่วยสร้างความกล้าและความมั่นใจใน
แบบเดียวกันกับที่คุณต้องใช้เวลาที่คุณต้องพูดในที่สาธารณะ
ร้องคาราโอเกะ เล่นคอนเสิร์ต ถ้า
คุณร้องเพลงไม่เป็น คุณก็สามารถเล่นดนตรีแทนได้ครับ ที่สำคัญคือ
อย่าลืมชวนเพื่อนไปเยอะๆแล้วกัน
หรือถ้าคุณสามารถร้องเพลงหรือเล่นดนตรีให้คนแปลกหน้าฟังได้เลยก็ยิ่งดี
(อาจจะมีคนเข้ามาดูว่าใครกันที่ร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ก็เป็นได้!!!!)
ละครเวที ผม
มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งตอนผมอยู่มัธยมฯปลาย
เขาเป็นคนที่ขี้อายมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น เพื่อนๆในห้อง (โดยเฉพาะผม)
จึงขอร้อง แกมบังคับ แกมข่มขู่ ให้เขาเข้าชมรมละครเวที เวลาผ่านไปเดือนกว่า
เพื่อนของผมคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาคุยกับคนมากขึ้น
มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะเขาได้รับบทเป็น "ชายน้อย"
และได้แสดงบทนี้ต่อหน้าเพื่่อนๆ 500 คน
ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูง
อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2 สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพูดคือความรู้และประสบการณ์
ผม
สามารถพูดถึงเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพได้เป็นฉากๆ อันที่จริง
ผมสามารถพูดเรื่องต่อหน้าคนเป็นร้อยเป็นพันได้ทั้งวัน
ทำไมผมจึงทำเช่นนั้นได้
ก็เพราะผมมีความรู้และประสบการณ์โดยตรงในเรื่องเหล่านี้
ถ้าคุณให้ผมไปพูดเรื่องคอมพิวเตอร์โดยที่มีเวลาเตรียมตัวแค่นิดเดียว
รับรองว่าผมคงต้องตายกลางเวทีแหงๆ เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนในการพูด
คุณก็ต้องอย่าลืมที่จะเตรียมตัวทุกครั้งก่อนการพูดด้วยนะครับ
นี่
คือทั้งหมดที่ผมอยากจะแบ่งปันให้ในครั้งนี้ ถ้าใครมีไอเดียอะไรดีๆ
ก็สามารถนำมาแบ่งปันกันได้นะครับ ขอให้โชคดีในการพูดในที่สาธารณะนะครับ :)
ที่มาของข้อมูล : http://sidsavara.com